"อนุทิน" วาง 4 มาตรการแก้โควิด-19 จังหวัดชายแดนใต้ ตั้งเป้าวัคซีนเข็มแรก 70% ต.ค.นี้
COVID-19: รมว.สาธารณสุขลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ติดตามสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำหนด 4 มาตรการหลักเร่งแก้ปัญหา ตั้งเป้าฉีดวัคซีนเข็มแรก 70 % ให้ได้ภายใน ต.ค.นี้ พร้อมลุยฉีดเข็มสองต่อใน พ.ย. สั่งเตรียมพร้อมจังหวัดรอบข้างช่วยดูแลสถานการณ์
14 ต.ค. - ที่โรงพยาบาลหาดใหญ่ จ.สงขลา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะ เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานการณ์ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ คือ สงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาส ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนายอนุทินได้มอบหมายให้ นพ.สุเทพ เพชรมาก ผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 12 ดำเนินการควบคุมโรคในพื้นที่ โดยใช้มาตรการ 4 ด้าน คือ
1.DMHTT และ Universal Prevention เพื่อให้ประชาชนตระหนักอยู่เสมอว่าทุกคนมีความเสี่ยงทุกเมื่อ เราจึงต้องป้องกันตัวเองอย่างสูงสุดอยู่ตลอดเวลา ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
2.มาตรการวัคซีนโควิด-19 ขณะนี้ได้สนับสนุนวัคซีนไฟเซอร์ เพื่อมาควบคุมการระบาด 3 สายพันธุ์ คือ อัลฟ่า เบต้าและเดลต้า โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องฉีดเข็มแรกให้ครอบคลุมประชากร 70 % ภายในเดือน ต.ค.นี้ ซึ่งสูงกว่าระดับประเทศที่ตั้งไว้ 50% รวมถึงการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้เด็กนักเรียนด้วย
3.มาตรการ Covid Free Settings ด้วยการกำหนดพื้นที่ปลอดโควิด-19 และให้ประชาชนที่เข้าใช้บริการพื้นที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร โรงแรม หรือสถานที่ต่างๆ ได้รับการตรวจแอนติเจน เทสต์ คิท(ATK) ก่อนเข้าใช้บริการ รวมถึงสถานประกอบการ จะต้องนำพนักงานไปฉีดวัคซีนให้ครบถ้วน ตรวจ ATK ทุก 3 หรือ 7 วันตามความเหมาะสม ขณะที่พื้นที่ท่องเที่ยว ประชาชนในพื้นที่จะต้องฉีดวัคซีนให้ได้อย่างน้อย 80 %
และ 4.การตรวจเชิงรุกในชุมชน ด้วยชุดตรวจ ATK เนื่องจากตรวจมากก็จะพบมาก ซึ่งจะเหมือนกับช่วงเดือน ส.ค. ที่เกิดระบาดในกรุงเทพฯ ทำให้ตรวจจับและแยกผู้ติดเชื้อออกมาได้เร็ว เพื่อตัดวงจรระบาด
นอกจากนี้ ในการรองรับสถานการณ์พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น กระทรวงสาธารณสุขได้ประสานไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น ทำศูนย์พักคอยในชุมชน (Community Isolation) ให้มากขึ้นอย่างน้อยตำบลละ 1 แห่ง เพื่อแยกกักผู้ติดเชื้อให้เข้าสู่ระบบการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพ
นายอนุทิน เปิดเผยว่า การฉีดวัคซีน ได้รับรายงานจากกรมควบคุมโรคแล้วว่าในพื้นที่ 4 จังหวัดได้วัคซีนถึง 50 % ของประชากรแล้ว แต่เป้าของเราคือ 70 % ซึ่งคาดว่า จะทำได้ตามเป้าในเดือน ต.ค.โดยขาดวัคซีนประมาณ 1 ล้านโดส ซึ่งในสัปดาห์นี้จะลงมา 4 แสนโดส และจะลงมาเพิ่มอีก 6 แสนโดส เมื่อลงมาแล้วก็ต้องลุยฉีด นอกจากเรื่องวัคซีน ก็ต้องทำความเข้าใจกับคนในพื้นที่ โดยให้กรมอนามัย กรมสุขภาพจิต รพ.สต. ไปทำความเข้าใจเรื่องมาตรการนิวนอร์มอล เชื่อว่า ทุกอย่างจะดีขึ้น
“เมื่อเราฉีดเข็มแรกได้ 70 % เดือนถัดมาเราจะฉีดเข็ม 2 เลย เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้เร็วที่สุด และยอดการฉีด เราจะไม่หยุดที่ตัวเลข 70 % ของประชากร แต่ถ้าหากประชาชนต้องการ ก็พร้อมลงไปบริการ ได้เตรียมวัคซีนไว้แล้ว อยากฉีดให้ได้มากที่สุด สถานการณ์การที่ชายแดนใต้ เรามีเขตสุขภาพที่ 12 คอยดูแล และได้กำชับจังหวัดใกล้เคียงให้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ ใช้หลักเดียวกับที่กรุงเทพฯ ตอนระบาดหนัก ก็ได้พื้นที่ใกล้เคียงเข้าไปประคอง แต่สถานการณ์ที่ชายแดนใต้ดีกว่า ตรงที่ เรามีวัคซีนแล้ว ขณะที่ตอนที่กรุงเทพฯ เกิดการระบาด เรายังไม่มีวัคซีนมากขนาดนี้ ส่วนเรื่องเปิดด่านชายแดน ก็ต้องไปคุยกับ ศบค. มันต้องดูหลายมิติหลายมุม” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ยังได้ให้โรงพยาบาลหาดใหญ่ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลศูนย์ ประสานกับโรงงานในพื้นที่ เพื่อแบ่งเบางาน เพราะทราบมาว่า งานด้านสุขภาพมีจำนวนมาก ขณะที่ด้านฝ่ายกองทัพได้รับการประสานจากกองทัพภาคที่ 4 ว่าจะสนับสนุนโรงพยาบาลสนาม ช่วยเหลือกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันนี้ ได้เริ่มใช้มาตรการ Community Isolation แล้ว มีกรมการแพทย์เข้ามาช่วยบริหารจัดการ ต้องขอชื่นชมบุคลากรทางการแพทย์ ที่ทุ่มเทมาก ภาครัฐ รับรู้ถึงความเหนื่อยยาก และได้มีการอนุมัติงบฯ เพื่อจ้างบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งอยู่ในระบบราชการ เข้ามาไว้ในระบบ 1 ปี เพื่อแบ่งเบางาน จากนี้ไป กระทรวงสาธารณสุขจะเดินหน้าเต็มที่ เพื่อให้นโยบายเปิดประเทศเดินต่อไปได้ โดยวัคซีนยังเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ เพราะช่วยลดการป่วย และเสียชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ไม่มีความคิดเห็น: