น้ำมันโรงกลั่นแพงกว่าปั๊ม! ผู้ค้าปลีกน้ำมันภาคใต้โวยบิดเบือนกลไกตลาด
เศรษฐกิจ: ชมรมผู้ค้าปลีกน้ำมันภาคใต้ ร้อง รมว.กระทรวงพลังงาน โรงกลั่นขายน้ำมันแพงกว่าราคาหน้าปั๊ม สร้างความเดือดร้อน จากการบิดเบือนกลไกการตลาด ผู้ประกอบการรายเล็กขาดทุนยับ
3 ม.ค. 2565 - ชมรมผู้ค้าปลีกอิสระและขนส่งผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ( PPRT CLUB ) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานและสำเนาส่งผู้เกี่ยวข้องกับการกำหนดราคาพลังงานไทย เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2564 อ้างว่า ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันอิสระ ผู้บริโภคโรงงานอุตสาหกรรมเดือดร้อนจากต้นทุน (COST) ราคาน้ำมันในกลุ่มบี 7 และบี 20 ที่สั่งซื้อจากโรงกลั่น หรือจากผู้ค้าน้ำมัน (MAJOR OIL) รายใหญ่ในส่วนของน้ำมันขายส่ง (จ็อบเบอร์ ) แพงกว่าราคาขายปลีกหน้าปั๊ม
เมื่อเปรียบเทียบราคาขายส่ง ราคาอุตสาหกรรม กับราคาหน้าสถานีบริการ กทม. เห็นได้ว่า ราคาขายส่ง ราคาอุตสาหกรรม ณ คลังไทยออยล์ ซึ่งมีราคาต้นทุนที่น่าจะต่ำที่สุด เมื่อเปรียบกับราคาขายปลีกหน้าสถานี กทม. ยังมีราคาแพงกว่า 33 สตางค์/ลิตร ทำให้มีความเดือดร้อนในส่วนสถานีบริหารอิสระ เพราะซื้อน้ำมันที่ต้นทุนแพงกว่าราคาขายปลีกหน้าสถานีบริการ ปตท./บางจาก ปั้มอิสระจะขาดทุนทันทีลิตรละ 33 สตางค์ ซึ่งยังไม่รวมค่าใช้จ่าย เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าไฟฟ้า ฯลฯ ในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม โลจิสติกส์ และอื่นๆ ซึ่งปกติน้ำมันที่ซื้อจากผู้ค้าอิสระ ต้นทุนจะต่ำกว่าราคาหน้าสถานีบริหารที่ลิตรละ 1.50-2.00 บาท/ลิตร แต่ปัจจุบันต้องซื้อน้ำมันที่ราคาสูงกว่าราคาหน้าสถานีบริการ
การบิดเบือนกลไกตลาดที่เกิดขึ้นด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ได้สร้างความเดือดร้อน ความเหลี่ยมล้ำ ซ้ำเติมธุรกิจของคนตัวเล็กให้หมดอาชีพ ชมรมจึงได้นำข้อมูล เพื่อเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจได้ทราบในข้อมูลที่เป็นจริง ซึ่งอาจจะไม่รับรู้ข้อมูล และความเดือดร้อนของ ผู้ประกอบการในส่วนนี้ เพื่อให้มีการพิจารณาแก้ไขโครงการราคาน้ำมันขายส่งให้เป็นไปตามกลไกการตลาดที่ควรจะเป็น
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันที่ คลังน้ำมันในภาคใต้ 2 แห่ง ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา และที่ อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี มีการขายน้ำมันให้ผู้ค้าน้ำมันอิสระที่แพงกว่าราคาหน้าปั๊มมาแล้ว 2 เดือน โดยมีการอ้างว่า น้ำมันในคลังเหลือน้อย ต้องเก็บไว้ขายให้ปั้มของตนเอง และขายให้จ็อบเบอร์ ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันในคลัง ทั้งของเชลล์ เอสโช่ คาลเท็กซ์ และ ปตท. มาขายต่อให้กับปั้มอิสระ และโรงงานอุตสาหกรรมอีกต่อหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น: