รมช.มหาดไทยแจงสภาฯ ด่านสะเดาแห่งใหม่พร้อมแล้วรอเพียงเชื่อมถนนไทย-มาเลย์





เศรษฐกิจ: ‘นิพนธ์’ แจงด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ อ.สะเดาเชื่อมไทย-มาเลย์พร้อมแล้ว เหลือแค่กำหนดจุดค่าพิกัดถนนเชื่อมสองประเทศ ดันเป็นแหล่งเศรษฐกิจการค้า ส่วนโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน แก้ปัญหาชาวบ้านแล้ว 2.87 แสนแปลง กว่า 6.8แสนไร่

2 มิถุนายน 2565 - ที่รัฐสภา นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีที่มีการสอบถามเรื่องด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า เป็นโครงการของกรมศุลกากร โดยงบประมาณส่วนแรกได้จ่ายค่าผลอาสินให้ประชาชนในพื้นที่ที่ได้กระทบจากด่านเบื้องต้น 758 ล้านบาท และต่อมาปี 2559 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่และจัดงบประมาณให้ 1,532 ล้าน รวมด่านแห่งใหม่ใช้งบประมาณ 2,200 กว่าล้านบาท และได้ส่งมอบงานครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน ก.ย. 2562 ซึ่งสร้างเสร็จแล้วไม่ได้ใช้ตามที่ น.ส.สุภาพร กำเนิดผล ส.ส. ตั้งข้อสังเกต เนื่องจากติดปัญหาเรื่องจุดเชื่อมต่อระหว่างด่านศุลกากรแห่งใหม่กับด่านบูกิตกายูฮิตัมของประเทศมาเลเซีย ซึ่งตรงนี้ทางพื้นที่ได้มีการเจรจานานพอสมควร เพราะความเห็นเบื้องต้นไม่ตรงกัน

“ผมในฐานะที่เป็นกรรมการพัฒนาชายแดนภาคใต้ (กพต.) ก็ได้นำเรื่องนี้เป็นข้อสังเกตในที่ประชุม จนกระทั่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ดูเรื่องดังกล่าว จนเกิดการประชุมร่วมกันระหว่างไทย-มาเลเซีย โดยที่ประชุมคณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคร่วมฝ่ายไทย-มาเลเชียได้กำหนดจุดพรมแดน ที่จุดเชื่อมชัดเจนแล้ว คือ BP23/9 - BP 23/10 จะเป็นจุดเชื่อมของถนนแห่งนี้” นายนิพนธ์ กล่าว

รมช.มหาดไทย กล่าวว่า จากนั้น จ.สงขลาได้มอบหมายให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สงขลา ไปสำรวจออกแบบถนนดังกล่าวจนแล้วเสร็จ และได้นำไปพูดคุยกับคณะกรรมการทางเทคนิคไทย-มาเลเซีย ได้ข้อสรุปในหลายประเด็น อาทิ จุดเชื่อมของถนนเรียบร้อยหมดแล้ว เหลือเพียงค่าพิกัดของจุดเชื่อมเท่านั้นที่มาเลเซียขอเวลาลงไปสำรวจ ออกแบบถนนจุดเชื่อม ขณะที่ส่วนอื่นๆ ได้ข้อตกลงเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน จึงมีความจำเป็นต้องเร่งรัด เพราะด่านนี้เป็นแหล่งเศรษฐกิจถือเป็นการค้าชายแดนที่สูงที่สุดของประเทศไทย เฉลี่ยกว่า 3แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ ก็ได้ไปตรวจและเร่งรัดความพร้อมของด่านมาด้วยแล้ว

นายนิพนธ์ ยังชี้แจงถึงการดำเนินงานของกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทยว่า กรมที่ดินดำเนินโครงการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินเพื่อเร่งรัดให้ประชาชน และสร้างความมั่นคงในกรรมสิทธิ์ที่ดิน โดยกระทรวงมหาดไทยได้กำชับว่า ห้ามเดินสำรวจที่ดินของรัฐทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ที่ดิน เขตป่าถาวร เขตป่าสงวน หรือพื้นที่ สปก.เป็นต้น โดยตั้งเป้าหมายสำรวจ 299,605 แปลง ดำเนินการสำรวจแล้ว 287,714 แปลง รวมเนื้อที่ 684,209 ไร่ ขณะที่ปัญหาที่พบส่วนมากคือปัญหาการชี้แนวเขตที่ดิน ซึ่งต้องระมัดระวังที่จะไม่ไปออกเอกสารสิทธิ์หรือโฉนดของรัฐทุกประเภท นอกจากนี้กรมที่ดินยังได้จัดทำแอพลิเคชั่นบอกดิน 3 เพื่อให้ประชาชนที่ นส.3 หรือ นส.3ก หรือ สค1. ยื่นคำร้องแจ้งรายละเอียดที่ดินที่ทำประโยชน์ผ่านแอพฯได้ ขณะเดียวกันตนยังได้กำชับให้เร่งตรวจสอบ สค.1 ที่ยื่นคำขอตั้งแต่ปี 2553 จำนวน 4 แสนกว่าแปลง ได้ดำเนินการเสร็จไปแล้วประมาณ 2 แสนกว่าแปลง

"ขณะนี้เวลาผ่านมาพอสมควรแล้ว ปัญหาอยู่ที่แนวเขตที่ดินต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ กรมที่ดินจะเร่งรัดในเรื่องนี้ต่อไปให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ส่วนที่ดินที่นำมาออกโฉนดไม่ได้ ก็จะนำกฎหมายจัดที่ดินให้ประชาชนมาใช้ต่อไป" นายนิพนธ์ กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

กระบวนการยุติธรรม

[๐ กระบวนการยุติธรรม][bleft]

อุบัติเหตุ

[๐ อุบัติเหตุ][twocolumns]

คุณภาพชีวิต

[๐ คุณภาพชีวิต][bsummary]

ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]