ร้องศาลเลือกตั้ง กกต.ตัดสิทธิ์ 4 ผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาชาติ
การเมือง - พรรคประชาชาติร้องศาลเลือกตั้งหลัง กกต.ไม่รับรอง 4 ผู้สมัครของพรรคใน จ.สงขลาและสตูล เหตุทำไพรมารี่ โหวต ไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย อ้างตัวแทนพรรคหมดวาระ “วันนอร์” ยกหนังสือตอบจากเลขา กกต.ชี้ชัดรับทราบตามที่พรรคประชาชาติแจ้งให้ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดที่หมดวาระปฏิบัติหน้าที่ต่อตามข้อบังคับพรรค
15 เมษายน 2566 - 2 ผู้สมัคร ส.ส.สงขลาจากพรรคประชาชาติ นายอับดุลเราะมัน มอลอ หรืออาจารย์เบ็น ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 7 และนายมังโสด หมะเต๊ะ ผู้สมัคร ส.ส.สงขลา เขต 8 ได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อขอให้ศาลยกเลิกคำสั่งของ กกต. ที่ตัดสิทธิ์ ไม่ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส. เนื่องจากตรวจสอบพบว่าขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม
กกต.จังหวัดสงขลาเหตุผลว่า ไม่มีตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัดหรือครบวาระ และข้อบังคับพรรคมิได้ให้อยู่ปฏิบัติหน้าที่ จึงถือว่ากระบวนการทำไพรมารี่ โหวต เพื่อส่งผู้สมัครไม่ครบถ้วนตามกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ทั้งนายอับดุลเราะมันและนายมังโสดยืนยันว่า ได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมายครบถ้วนทุกประการ ไม่ได้เป็นไปตามที่ กกต.แจ้งมา
นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคประชาชาติใน จ.สตูลอีก 2 รายที่ กกต.ไม่ประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับการเลือกตั้ง ส.ส. โดยนายประสิทธิ์ เอียดคง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสตูล เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2566 กกต.สตูลได้ประกาศรับรองคุณสมบัติผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งของจังหวัดสตูลทั้ง 2 เขต คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 และเขตเลือกตั้งที่ 2 ปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคประชาชาติทั้ง 2 เขต ขาดคุณสมบัติ คือ เขต 1 นายรมย์ศรี กะด๊ะ ผู้สมัครหมายเลข 10 ส่วนเขต 2 นายไพศาล หลีเส็น ผู้สมัครหมายเลข 9
นายไพศาล หลีเส็น กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กกต.สตูล แจ้งว่า ตนขาดคุณสมบัติเนื่องจากตัวแทนสาขาพรรคประชาชาติในจังหวัดสตูลหมดวาระการดำรงตำแหน่ง แต่พรรคประชาชาติได้ทำหนังสือถึง กกต.กลางแล้วว่า ให้ตัวแทนสาขาพรรคประชาชาติชุดเก่ารักษาการแทน ขณะนี้ ตนรวบรวมเอกสารเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอคืนสิทธิต่อไป
ด้านนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจผิดของ กกต. ซึ่งพรรคประชาชาติได้ชี้แจงและอุทธรณ์ไปแล้ว รวมทั้งได้ยื่นฎีกาไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง คาดว่าน่าจะได้สิทธิคืนมา
“ประเด็นที่ กกต.ตั้งข้อหาบอกว่า พรรคประชาชาติใน จ.สตูล 2 เขตเลือกตั้ง และ จ.สงขลา เขต 7 เขต 8 ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดหมดวาระก่อนที่จะมีการสรรหาตัวผู้สมัครเพื่อทำ ไพรมารี่ โหวตนั้น พรรคได้ทำหนังสือไปสอบถาม กกต.แล้วว่า ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดที่หมดวาระนั้น พรรคมีมติให้ปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน จนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานและคณะกรรมการประจำจังหวัดใหม่ได้หรือไม่ ซึ่งข้อบังคับของพรรคประชาชาติก็ระบุไว้ชัดเจน แต่ กกต.อาจจะไม่ได้ดูตรงนี้ว่า เราได้ทำหนังสือไปตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม 2566 ทั้ง 2 เขต และเขตอื่นด้วยว่า ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดที่หมดวาระนั้น ได้มีการหารือแล้วว่าจะให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป” หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าว
นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 เลขาธิการ กกต.ได้ตอบมาว่า รับทราบตามที่พรรคประชาชาติแจ้งไป คือ ผู้แทนพรรคประจำจังหวัดหมดวาระ ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป เพื่อความเข้าใจด้วยข้อกฎหมายและด้วยความสุจริตใจว่า การรักษาแทนผู้แทนจังหวัดใน 2 จังหวัดนั้นมีผลสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้พรรคก็ต้องสู้ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งต่อไป
“เราเข้าใจว่าข้อกฎหมาย ข้อคำสั่ง และข้อบังคับของพรรคและกฎหมายของ กกต.ก็มีความชัดเจน ซึ่งอันนี้ก็เปิดโอกาสให้มีการร้องศาลฎีกา และเข้าใจว่าเราน่าจะได้สิทธิ์คืนมา เพราะเราไม่ได้ปฏิบัติอะไรผิด” นายวันมูหะมัดนอร์กล่าว
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรครู้สึกเห็นใจผู้สมัคร รู้สึกว่าเสียโอกาส ซึ่งจากการทำโพลทั้ง 4 เขตดังกล่าว ผู้สมัครของพรรคประชาชาติน่าจะได้รับเลือกเป็น ส.ส.ถึง 3 คน ชาวบ้านก็ร้องไห้เยอะ ถามว่า ทำไมเป็นอย่างนั้น ศาลที่สงขลามีความกรุณา ซึ่งในวันอังคารที่ 18 เมษายนนี้จะขอไต่สวน ก็ถือว่าเร็ว
ไม่มีความคิดเห็น: