โครงการอนุรักษ์ป่าฝนแอมะซอนของบราซิล-ฝรั่งเศส ความหวังใหม่ในการรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก






รายงานพิเศษ..


เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งสาธารณรัฐบราซิล และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง แห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ได้ร่วมกันประกาศเปิดตัวโครงการลงทุนร่วมกันเพื่อปกป้องและอนุรักษ์ป่าฝนแอมะซอนในบราซิลและเฟรนช์เกียนา ซึ่งนับเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่มีแนวโน้มจะเป็นหนทางนำไปสู่ความสำเร็จในการปกป้องผืนป่าฝนที่มีความสำคัญต่อสภาพภูมิอากาศของโลกในระยะยาว

ภายใต้โครงการดังกล่าว ทั้งสองประเทศได้ตกลงที่จะร่วมกันลงทุนเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูป่าฝนแอมะซอน โดยมีเป้าหมายที่จะลดการตัดไม้ทำลายป่าและปกป้องพื้นที่ป่าให้คงความอุดมสมบูรณ์

การลงทุนดังกล่าวจะมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่นผู้อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าฝน รวมถึงการส่งเสริมวิธีการใช้ประโยชน์จากป่าอย่างยั่งยืน พร้อมกันนี้ยังมีแผนที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลและการสำรวจจากอวกาศมาใช้ในการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ป่าไม้อย่างใกล้ชิด

สาเหตุหลักที่นำไปสู่ความร่วมมือครั้งนี้นั้น เนื่องมาจากที่ผ่านมาภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลเดิมนั้น ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าในบราซิลยังคงรุนแรงและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้ผืนป่าฝนแอมะซอนในบราซิลได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยในปี 2565 บราซิลมีพื้นที่ป่าที่ถูกทำลายถึง 9,494 ตารางกิโลเมตร เพิ่มขึ้นกว่า 60% จากปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นมา

สภาพปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นความกังวลและวิตกต่อสถานการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมของโลก เนื่องจากป่าฝนแอมะซอนมีบทบาทสำคัญต่อการรักษาสมดุลภูมิอากาศของโลกและเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การสูญเสียพื้นที่ป่าไม้จึงส่งผลกระทบต่อวิกฤติสภาพภูมิอากาศทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ดังนั้นการเสื่อมสภาพของผืนป่าแอมะซอนจึงกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นด้านการละเมิดสิทธิชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าซึ่งได้รับผลกระทบจากการบุกรุกพื้นที่ดังกล่าว โดยชนพื้นเมืองเหล่านี้ต้องเผชิญกับการสูญเสียที่ดินทำกิน แหล่งอาหาร และความมั่นคงในการดำรงชีวิต ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่ต้องได้รับการจัดการ




ด้วยเหตุนี้ การประกาศเปิดตัวโครงการอนุรักษ์ป่าฝนแอมะซอนของบราซิลและฝรั่งเศสจึงถือเป็นความหวังใหม่และแนวทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าและความเสื่อมสภาพของป่าฝนแอมะซอน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ความร่วมมือระหว่างสองประเทศครั้งนี้จะนำไปสู่แนวทางและการดำเนินงานแบบบูรณาการหลายด้าน โดยเริ่มต้นจากการระดมการลงทุนเพื่อการอนุรักษ์ ซึ่งคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกันจัดสรรงบประมาณสนับสนุนโครงการในประเทศบราซิล โดยที่บราซิลจะเป็นผู้ดำเนินการหลักและกำกับดูแล ขณะที่ฝรั่งเศสจะร่วมมือด้านการลงทุนและให้คำปรึกษาด้านวิชาการ

นอกเหนือจากงบประมาณแล้ว การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยยังเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอนุรักษ์ป่าฝนแอมะซอนด้วย ฝรั่งเศสพร้อมที่จะร่วมแบ่งปันเทคโนโลยีและนวัตกรรมต่างๆ ที่นำมาใช้ในการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ป่าไม้ได้อย่างแม่นยำผ่านการสำรวจจากดาวเทียมและระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์

ขณะที่บราซิลก็จะนำองค์ความรู้เชิงลึกและประสบการณ์ท้องถิ่นเกี่ยวกับระบบนิเวศน์ป่าฝนแอมะซอนซึ่งมีความซับซ้อนมาแลกเปลี่ยนเช่นกัน การบูรณาการองค์ความรู้และเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน จะช่วยขับเคลื่อนการดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนหนึ่งของแผนงานที่น่าสนใจคือการให้การสนับสนุนและส่งเสริมบทบาทของชุมชนและกลุ่มชนพื้นเมืองผู้อาศัยในป่าฝนแอมะซอน โดยโครงการจะให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของท้องถิ่น เนื่องจากพวกเขาเหล่านี้เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดการพื้นที่ป่าอย่างยั่งยืนตามวิถีดั้งเดิมมาอย่างยาวนาน มีภูมิปัญญาและความเข้าใจลึกซึ้งในระบบนิเวศของป่าฝน ตลอดจนการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน

ดังนั้นแนวทางการอนุรักษ์จึงมุ่งให้ชุมชนท้องถิ่นและกลุ่มชนพื้นเมืองมีบทบาทนำในการดูแลรักษาป่า ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างยั่งยืน




ไม่มีความคิดเห็น:

ชายแดนใต้

[๐ ชายแดนใต้][bleft]

งานวิจัย

[๐ งานวิจัย][twocolumns]

คุณภาพชีวิต

[๐ คุณภาพชีวิต][bsummary]

กระบวนการยุติธรรม

[๐ กระบวนการยุติธรรม][bleft]

บทความ

[๐ บทความ][bsummary]

ศิลปวัฒนธรรม

[๐ ศิลปวัฒนธรรม][twocolumns]