กรมราชทัณฑ์-สภาทนายความลงนามให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่
กระบวนการยุติธรรม - รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธานพิธีลงนาม MOU ระหว่างกรมราชทัณฑ์-สภาทนายความ ให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมาย คำแนะนำคดีอาญา-แพ่ง-ปกครอง สร้างขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ส่งเสริมความยุติธรรมแก่สังคม
5 เมษายน 2567 - ที่กระทรวงยุติธรรม เวลา 14.30 น. ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะ อาทิ นายสมบูรณ์ ม่วงกล่ำ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายยู่สิน จินตภากร ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายนิยม เติมศรีสุข ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ฯลฯ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ระหว่างนายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กับนายวิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยมีนางจิรภา สินธุนาวา รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ผู้บัญชาการเรือนจำ หัวหน้าหน่วยงานของกรมราชทัณฑ์ และทัณฑสถานทั่วประเทศและจากสภาทนายความฯ ให้การต้อนรับ และร่วมเป็นสักขีพยาน
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ระหว่างกรมราชทัณฑ์กับสภาทนายความฯ เพื่อการปกป้องคุ้มครองเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ แสดงถึงความพยายามของกรมราชทัณฑ์ที่ต้องการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต
พ.ต.อ.ทวียังได้กล่าวถึงความสำคัญของความร่วมมือในครั้งนี้ว่า งานเรือนจำ เป็นงานที่มีความตรากตรำ ต้องปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง ไม่อาจสับเปลี่ยนหมุนเวียนในการควบคุมดูแลผู้ต้องขังอย่างใกล้ชิด รวมความยากกับงานการแก้ไขผู้ต้องขังให้กลับตัวเป็นพลเมืองดี ซึ่งใน 1 ปี จะมีบุคคลต้องหมายขังจากคำสั่งศาล ปีละไม่ต่ำกว่า 800,000 คน ในจำนวนนี้กว่าหมื่นคนยังเป็นผู้ป่วยจิตเวช ที่หากขาดการรับประทานยา การรักษาที่ไม่ต่อเนื่องก็มีโอกาสทำร้ายเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์อีกด้วย เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงมีคติเตือนใจที่ว่า "ต้องรักษาความไม่ประมาทเสมอชีวิต"
อีกทั้งอยากให้สภาทนายความฯ ขยายความช่วยเหลือไปยังครอบครัวของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพราะด้วยสภาพเศรษฐกิจที่อาจส่งผลให้เจ้าหน้าทื่ราชทัณฑ์ต้องตกเป็นเบี้ยล่างแก่เจ้าหนี้อีกด้วย
"ผมขอขอบคุณนายกสภาทนายความฯ ที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพราะลำพังแค่กรมราชทัณฑ์ คงไม่สามารถดำเนินภารกิจที่สำคัญนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้" พ.ต.อ. ทวีกล่าว
นายสหการณ์กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำ คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กว่า 13,000 คน จากสถานเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ที่มี 133 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการให้ความช่วยเหลือด้านการดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีปกครอง อันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ กรณีพนักงานอัยการไม่สามารถรับแก้ต่างให้ได้ การดำเนินคดีล้มละลาย อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านกฎหมายสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่
การลงนามฯในครั้งนี้ ถือเป็นการสนองนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ด้านการบริหารและขับเคลื่อนหน่วยงานในสังกัดฯ ให้เข้าสู่ยุค "ความยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือ ความยุติธรรมนำประเทศ" ซึ่งการจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้จะต้องประสานความร่วมมือกับสภาทนายความฯ ด้วยแนวคิด "รวมพลังขับเคลื่อน 8 มิติ ยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลง" มิติที่ 8 พัฒนา ด้านการจัดสวัสดิการ ประกอบด้วย การควบคุมดูแลผู้ต้องขัง การพัฒนาพฤตินิสัย การศึกษา การสร้างอาชีพ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
ด้านนายวิเชียรกล่าวว่า มีความยินดี ที่จะได้ร่วมลงในความร่วมมือการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพราะทั้งสภาทนายความฯ และกรมราชทัณฑ์ ต่างเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทำหน้าที่ให้ระบบยุติธรรมทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ที่ผ่านมา ทั้ง 2 หน่วยงาน มีความร่วมมือกันอย่างดี แต่วันนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือกันในระดับองค์กร ที่สุดท้ายประโยชน์ที่ได้ จะกลับสู่สังคมอย่างมหาศาล
"ผมขอขอบคุณนายกสภาทนายความฯ ที่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพราะลำพังแค่กรมราชทัณฑ์ คงไม่สามารถดำเนินภารกิจที่สำคัญนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้" พ.ต.อ. ทวีกล่าว
นายสหการณ์กล่าวว่า การลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คำแนะนำ คำปรึกษาด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์กว่า 13,000 คน จากสถานเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ที่มี 133 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการให้ความช่วยเหลือด้านการดำเนินคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีปกครอง อันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ กรณีพนักงานอัยการไม่สามารถรับแก้ต่างให้ได้ การดำเนินคดีล้มละลาย อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาเครือข่ายความร่วมมือด้านกฎหมายสร้างองค์ความรู้ด้านกฎหมาย ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่
การลงนามฯในครั้งนี้ ถือเป็นการสนองนโยบายของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ด้านการบริหารและขับเคลื่อนหน่วยงานในสังกัดฯ ให้เข้าสู่ยุค "ความยุติธรรมสำหรับทุกคน หรือ ความยุติธรรมนำประเทศ" ซึ่งการจะบรรลุวัตถุประสงค์ได้จะต้องประสานความร่วมมือกับสภาทนายความฯ ด้วยแนวคิด "รวมพลังขับเคลื่อน 8 มิติ ยกระดับสร้างความเปลี่ยนแปลง" มิติที่ 8 พัฒนา ด้านการจัดสวัสดิการ ประกอบด้วย การควบคุมดูแลผู้ต้องขัง การพัฒนาพฤตินิสัย การศึกษา การสร้างอาชีพ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี
ด้านนายวิเชียรกล่าวว่า มีความยินดี ที่จะได้ร่วมลงในความร่วมมือการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายแก่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เพราะทั้งสภาทนายความฯ และกรมราชทัณฑ์ ต่างเป็นหน่วยงานในกระบวนการยุติธรรม ทำหน้าที่ให้ระบบยุติธรรมทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ที่ผ่านมา ทั้ง 2 หน่วยงาน มีความร่วมมือกันอย่างดี แต่วันนี้ถือเป็นการยกระดับความร่วมมือกันในระดับองค์กร ที่สุดท้ายประโยชน์ที่ได้ จะกลับสู่สังคมอย่างมหาศาล
ไม่มีความคิดเห็น: